ที่มา http://www.siamhealth.net/ NSAID ย่อมาจากคําว่า Nonsteroidal anti-inflammatory drug หมายถึง ยาต้านการอักเสบชนิดที่ ไม่ใช่สเตียรอยด์เป็นยากลุ่มที่ใช้เป็นยาแก้ปวดได้ดีโดยเฉพาะ อาการปวดจากการอักเสบ ยาที่จัด เป็นนแม่แบบ คือ แอสไพริน (Aspirin) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและใช้กันมานาน |
กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่ม NSAID
การอักเสบของอวัยวะในร่างกายเกิดจากการที่เซลล์หลังสาร ที่เรียกว่า พรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งเป็นสารสื่อกลางในการกระตุ้นทำให้เกิดอักเสบ ยากลุ่ม NSAIDs นี้ออกฤทธิ์โดยการยับยั้ง enzymes ที่เรียกว่า cyclooxygenases ทำให้การหลั่งของสาร พรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ลดลงทำให้การอักเสบลดลง และลดอาการปวด การยับยั้ง enzyme ดังกล่าวทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาอีกหลายประการชนิดของยา NSAID
แบ่งออกเป็นสองชนิดคือ- Nonselective NSAIDs หมายถึงยาจะยับยั้ง enZymes ทั้งชนิด COX-1 and COX-2 enzymes ซึ่งการที่มันยับยั้ง enzyme ทั้งสองชนิดทำให้ยากลุ่มนี้ระคายต่อกระเพาะอาหาร ยากลุ่มนี้ได้แก่ aspirin, ibuprofen naproxen diclofenac
- Selective NSAIDs ยากลุ่มนี้จะเลือกยับยั้งเฉพาะชนิด COX-2 enzymes ดังนั้นจะระคายกระเพาะน้อยกว่ายาในกลุ่มแรก ดังนั้นผู้ป่วยซึ่งมีประวัติโรคกระเพาะควรจะได้รับยาในกลุ่มนี้ ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ Celecoxib
ผู้ป่วยที่มีโรคไต โรคหัวใจวาย โรคตับ ความจะหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดกลุ่มนี้
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา
ยากลุ่มนี้ใช้ในการรักษาอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบโรคหรือภาวะที่นิยมใช้ยานี้ได้แก่ยานี้มีผลข้างเคียงที่ผู้รับประทานจะต้องทราบ
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ยากลุ่ม NSAIDs จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง ความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ยานี้เป็นเวลานาน และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ยา NSAIDs ห้ามระงับอาการปวดหลังผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ
ปัจจัยเสี่ยงต่อระบบทางเดินอาหาร
- ยากลุ่ม NSAIDs จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนทางเดินอาหารได้แก่ เลือดออกทางเดินอาหาร แผลกระเพาะอาหาร กระเพาะทะลุ
อาการข้างเคียงของยา
ผลข้างเคียงของยา NSAIDs ที่อันตรายให้หยุดยาทันทีและปรึกษาแพทย์ในกรณีที่พบอาการดังต่อไปนี้- มีอาการแน่หน้าอก อ่อนแรง หายใจเหนื่อยหอบ อาการเตือนของสมองขาดเลือด
- อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจาระดำ
- ไอเสมหะมีเลือดปน อาเจียนดำเหมือนน้ำโค๊ก
- บวมเท้า หรือน้ำหนักขึ้นมาก
- ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
- คลื่นไส้อาเจียน แน่นชายโครง เบื่ออาหาร ปัสสาวะเข้ม อุจาระซีด ตัวเหลืองตาเหลือง
- มีผื่น เลือดออกง่ายกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- เกิดอาการแพ้ชนิดรุนแรงได้แก่ ไข้ เจ็บคอ บวมใบหน้าหนังตา ผื่นลอกตามผิวหนัง ได้ Steven Johnson's syndrome,Erythema multiforme
คนส่วนใหญ่จะรับยานี้ได้อย่างปลอดภัย นอกจากบางคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงอาจจะมีผลข้างเคียงของยา ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยได้แก่
- ระคายต่อกระเพาะ หากรับประทานขนาดยาไม่สูงและรับช่วงสั้นๆอาจจะมีอาการแน่นท้อง เสียดท้อง หากรับประทานยาในขนาดสูงและติดต่อกันเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้เกิดโรคกระเพาะ และมีเลือดออกได้
- ตับอักเสบ หากรับประทานยากลุ่มนี้ในขนาดสูงเป็นระยะเวลานาน
- ไต การใช้ยากลุ่มนี้แม้ว่าในระยะสั้นก็อาจจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และมีปัญหากับไต ดังนั้นคงต้องติดตามความดันและการทำงานของไต
- หูอื้อ พบมากในผู้ที่รับประทานยาในขนาดสูง
- มึนงง เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ
- น้ำมูกไหล เจ็บคอ
- ผื่นคันเล็กน้อย
ก่อนรับประทานยาจะต้องแจ้งแพทย์อะไรบ้าง
- ไม่ควรใช้ยานี้ก่อนหรือหลังการผ่าตัดเบียงเบียน หลอดเลือดหัวใจ เนื่องจากยานี้จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
- ยานี้จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออกใน กระเพาะอาหาร และกระเพาะอาหารทุลุ ดังนั้นจะต้องระวังในผู้ป่วยสูงอายุ และผู้ที่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน
- แพ้ยา หากท่านผู้อ่านแพ้ยาดังต่อไปนี้ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชก่อนใช้ยา และไม่ควรใช้ยาในกลุ่มนี้เองเนื่องจากอาจจะแพ้ยา
- Aspirin or other salicylates
- Ketorolac
- Oxyphenbutazone
- ibuprofen (e.g., Suprol)
- หากท่านผู้อ่านเป็นโรคหัวใจหรือโรคไตไม่สามารถรับ อาหารที่มีเกลือมากไม่ได้ ต้องแจ้งแพทย์เนื่องจากยาในกลุ่มนี้บางตัวมีเกลือผสมอยู่ อาจจะทำให้โรคที่ท่านเป็นอยู่มีอาการทรุดลง
- ประวัติการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ หัวใจวาย ความดันโลหิตสูง
- ประวัติโรคกระเพาะอาหาร หรือเคยมีเลือดออกทางเดินอาหาร
- การตั้งครรภ์ เนื่องจากการใช้ยาในคนท้องอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ และอาจจะเกิดปัญหากับทารกดังนั้นจึงไม่ควรซื้อยารับประทานเองขณะตั้งครรภ์
- ขณะให้นมบุตร ไม่ควรใช้ยาดังต่อไปนี้ indomethacin meclofenamate phenylbutazone piroxicam เนื่องจากมีรายงานว่าเกิดผลข้างเคียง
- ผู้สูงอายุอาจจะทำให้สับสน หน้า เท้าบวม ปัสสาวะออกน้อย
- หากท่านผู้อ่านที่รับประทานยาอื่นร่วมด้วยต้องแจ้งแพทย์และเภสัชทุกครั้ง
- ถ้าหากท่านมีโรคประจำตัวต้องแจ้งทุกครั้ง เช่น
- โรคหัวใจ
- โรคกระเพาะอาหาร
- โรคตับ
- โรคไต
- โรคลมชัก
- โรคหอบหืด
- โรคเลือดมีประวัติเลือดออกง่าย
- ริดสีดวงจมูก
ความปลอดภัยสำหรับคนตั้งครรภ์
จัดอยู่ในกลุ่ม D ไม่ควรให้ผู้ที่ตั้งครรภ์ไตรมาศสุดท้ายเพราะอาจจะมีผลเสียกับทารก สำหรับผู้ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยานี้เด็กอายุ น้อยกว่า 2 ปีไม่ควรจะใช้ยานี้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจหรือมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เจ็บหน้าอก หรือมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคอัมพาต ควรจะหลีกเลี่ยงยาในกลุ่มนี้ หากจำเป็นต้องรับยาในกลุ่มนี้ต้องรับประทานยาในขนาดต่ำสุดและระยะสั้นที่สุด สำหรับ aspirin ใช้เป็นยาเพื่อลดการตีบของหลอดเลือด
โรคกระเพาะอาหาร
ผู้ที่มีโรคกระเพาะอาหารหรือเคยมีเลือดออกในทางเดิน อาหารจะเสี่ยงต่อการมีเลือดออกหารับประทานยาแก้ปวดกลุ่มนี้ แนวทางแก้ไขอาจจะลดปัญหาเรื่องโรคกระเพาะดดยการรับประทานยาลดกรด เช่น famotidine omeprazole lansoprazole ร่วมด้วยจะช่วยลดการเกิดโรคกระเพาะ
ภาวะเลือดออก
หากจะผ่าตัดต้องหยุดยากลุ่มนี้เป็นเวลา 7 วันก่อนผ่าตัด
ภาวะบวมน้ำ
ผู้ป่วยที่มีแนวโน้มจะบวม เช่นผู้ป่วยโรคหัวใจวาย โรคตับ และโรคไตเมื่อรับประทานยานี้จะทำให้เกิดการบวมซึ่งอาจจะทำให้โรคกำเริบ
โรคไต
ยาแก้ป่วยกลุ่มนี้อาจจะทำให้การทำงานของไตแย่ลง ดังนั้นไม่แนะนำให้ใช้ยากลุ่มนี้ในผู้ป่วยโรคไต
ผู้ป่วยตั้งครรภ์หรือเลี้ยงลูกด้วยนม
ไม่แนะนำให้ใช้ยากลุ่มนี้ในการตั้งครรภ์ไตรมาศสามเพราะอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนกับเด็ก แต่สำหรับระหว่างการให้นมสามารถให้ยานี้ได้
ผู้ป่วยที่แพ้ aspirin
หากมีประวัติแพ้ยาก็ควรจะหลีกเลี่ยงยาในกลุ่มนี้ทั้งกลุ่มเพราะอาจจะมีอาการแพ้ยาได้
ยาลดการอักเสบ NSAID
ยาแก้อักเสบหรือยาแก้ปวดที่แพทย์และผู้ป่วยนิยมใช้กันใช้ทั้งลดไข้ในเด็ก ลดอาการข้ออักเสบ แต่ยากลุ่มนี้ก็มีผลข้างเคียงหากใช้ยาไม่ถูกต้อง ท่านผู้อ่านที่ใช้ยากลุ่มนี้ต้องศึกษาถึงผลดีและผลเสียของยากลุ่มนี้ข้อบ่ง ชี้ในการใช้ยากลุ่มนี้ได้แก่
- ใช้เป็นยาแก้ปวด Analgesic ได้แก่ยา Diclofenac; Fenoprofen; Floctafenine; Ibuprofen; Ketoprofen; Meclofenamate; Mefenamic Acid; Naproxen
- ใช้ลดการอักเสบ Anti-inflammatory ได้แก่ยา Flurbiprofen; Indomethacin; Naproxen; Sulindac; Tenoxicam
- ใช้แก้ปวดประจำเดือน Antidysmenorrheal ได้แก่ยา Diclofenac; Flurbiprofen; Ibuprofen; Indomethacin; Ketoprofen; Meclofenamate; Mefenamic Acid; Naproxen; Piroxicam
- ใช้รักษาโรคเก๊า Antigout agentไดแก่ยา Diclofenac Fenoprofen; Floctafenine; Ibuprofen; Indomethacin; Ketoprofen; Naproxen; Phenylbutazone; Piroxicam; Sulindac
- ใช้ลดไข้ Antipyretic—Ibuprofen; Indomethacin; Naproxen
- ใช้รักษาข้ออักเสบ Antirheumatic ได้แก่ยา Diclofenac; Diflunisal; Etodolac; Fenoprofen; Flurbiprofen; Ibuprofen; Indomethacin; Ketoprofen; Meclofenamate; Nabumetone; Naproxen; Oxaprozin; Phenylbutazone; Piroxicam; Sulindac; Tenoxicam; Tiaprofenic Acid; Tolmetin
- ใช้ป้องกันอาการปวดศีรษะจากหลอดเลือด Vascular headache prophylactic ได้แก่ยาFenoprofen; Ibuprofen; Indomethacin; Mefenamic Acid; Naproxen
- ใช้แก้ปวดศีรษะจากหลอดเลือดสมอง Vascular headache suppressantได้แก่ยา Diclofenac; Diflunisal; Etodolac; Fenoprofen; Floctafenine; Ibuprofen; Indomethacin; Ketoprofen; Meclofenamate; Mefenamic Acid; Naproxen
หลังจากที่รับประทานยานี้แล้วท่านจะต้องทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ให้ดื่มน้ำทันที 1 แก้วและห้ามนอนราบเป็นเวลา 30 นาทีเพื่อป้องกันยาระคายเคืองต่อกระเพาะและหลอดอาหาร
- ให้รับประทานยานี้พร้อมอาหาร หรือรับประทานยาลดกรดร่วมด้วย
- ยาที่ออกฤทธิ์ช้า delayed-release (enteric-coated) ไม่จำเป็นต้องรับประทานพร้อมอาหาร หรือยาลดกรด
- ยานี้ให้กลืนห้ามเคี้ยว
จะต้องหลีกเลี่ยงอะไรหากรับประทานยา celecoxib
- หลีกเลี่ยงการดื่มสุราเพราะจะเพิ่มความเสี่ยงเลือดออกในกระเพาะอาหาร
- ไม่ควรจะรับประทานยาในกลุ่มยาแก้อักเสบ NSAIDs
- ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดหรือยารักษาไข้หวัดที่มีส่วนผสมของยากลุ่ม NSAID โดยจะต้องอ่านสลากยาก่อนรับประทาน
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าๆ
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- ยาขับปัสสาวะ
- ยารักษาเชื้อรา Fluconazole
- ยา Lithium
- ยาลดความดันโลหิต เช่น candesartan , irbesartan, losartan, valsartan , telmisartan, olmesartan
- ยาลดความดันโลหิตกลุ่ม ACE inhibitorเช่น enalapril ,ramipril และยาในกลุ่ม
ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID ตัวไหนดีที่สุด | คำเตือนในการใช้ยากลุ่ม NSAIDs
No comments:
Post a Comment